กราบสวัสดีทุกท่าน วันนี้เรากลับมาพบกันอีกแล้วกับแอดมิน softsleepy หลังจากที่เราได้นำเสนอบทความเกี่ยวกับการเลือกซื้อ หมอนขนเป็ด ให้เหมาะกับการนอนของแต่ล่ะท่านกันไปหลายบทความแล้ว
ในตอนก่อนนั้นนอกจากเราจะพูดถึง การเลือกซื้อ หมอนขนเป็ด กับที่นอนในแบบต่างๆ กันไปแล้ว ทุกท่านน่าจะยังตำได้ว่า ที่นอนแบบยางพารานั้นมีกี่แบบ และมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร
ในวันนี้ทางแอดมินจะมาพูดถึงวัสดุที่ใช้ทำที่นอนกันต่อจากของเดิม จะเป็นอะไรนั้นไปชมกันเลย
ที่นอนนุ่น (Kapok Mattress)
ที่นอนแบบที่สอง ที่ทางสากลโลกเขานิยมใช้กันนั้นคือที่นอนนุ่น เป็นที่นอนที่ใช้วัสดุธรรมชาติอีกเช่นกัน โดย ตัวใส้ที่ใช้ทำที่นอนนั้น เป็นผลผลิตมาจาก ต้นนุ่น ซึ่งเป็นพืชผลชนิดไม้ยืนต้น ให้ผลผลิตเป็นเส้นใยที่เหมาะกับการเอาไปทำใยนุ่น เพื่อใช้ในการทำเบาะ ที่นอน หมอนต่างๆ
ในสมัยก่อน ที่นอนที่ใช้นุ่นมาทำใส้นั้น จะนิยมทำเป็นที่นอนขนาดเล็ก แบบที่ใช้กับเตียงเดี่ยวขนาดประมาณ 3 – 4 ฟุต หรือจะใช้วางบนพื้นห้องเลยก็ได้ เพราะ ที่นอนนุ่นขนาด 3 – 4 ฟุตนั้น มีน้ำหนักค่อนข้างเบา ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายด้วยตัวคนเดียวได้โดยสะดวก
ที่จะเห็นมากๆ ก็พวกที่นอนหรือหมอนแบบไทยๆ หมอนอิง ที่นอนพับสามท่อนอะไรแบบนั้น
แต่ถ้าเราต้องการใช้กับ ที่นอนแบบเตียงคู่ก็ควรจะใช้แบบวางต่อกันเป็นท่อนๆ 3 ท่อน (ขึ้นอยู่กับขนาดของเตียง) ส่วนวัสดุที่นิยมใช้หุ้มที่นอนสมัยก่อนนั้นจะมีสองแบบ คือ ผ้าย่นหนังไก่ กับ ผ้าไหมญี่ปุ่น
แต่ในปัจจุบันนั้นเราสามารถหาซื้อที่นอนนุ่นที่มีคุณภาพได้ค่อนข้างยาก เพราะความต้องการที่ลดลง จึงไม่ค่อยมีใครผลิตของมาจำหน่ายและ ถ้ามีขายจริงๆ ต้องแน่ใจว่า ทางร้านไม่ได้นำของเก่าออกมาขายให้เรา หรือ เป็นที่นอนนุ่นผสม โดยจะมีวิธีสังเกตุง่ายๆคือ
– ที่นอนนุ่นใหม่ที่ดีต้องยัดแน่น ไม่นั่งลงไปแล้วรู้สึกยวบยาบ
– ที่นอนนุ่นใหม่จะต้องมีกลิ่นนุ่น ซึ่งกลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นที่ไม่เหม็นอับ เป็นกลิ่นนุ่นธรรมชาติ จะใช้เวลาจางหายไป หลังจากใช้งานไปได้ประมาณ 1-2 สัปดาห์
– ที่นอนนุ่นใหม่จะมีน้ำหนักเบากว่าที่คิดไว้ เนื่องจากตัวใยนุ่น ยังคงมีความเป็นเส้นใย และที่สำคัญ ไม่เป็นฝุ่น
ข้อดี
มีตัวไรฝุ่น (Mite) น้อยมากๆ เนื่องจากเป็นที่นอนที่ไม่ได้ผ่านการใช้งาน หรือถูกนำกลับมาใช้มาก่อน (Re-Use)
(สำหรับที่นอนนุ่นใหม่ เท่านั้น)
มีน้ำหนักเบา สามารถยกวาง ขนย้ายได้ง่าย
(ถึงแม้จะใช้กับเตียงขนาดใหญ่ๆ ถ้าเป็น ที่นอนนุ่น แบบฟูก 3 ท่อนต่อกัน ก็สามารถยกนำมาผึ่งแดดเองได้ไม่ยาก)
ให้ความรู้สึกที่เย็นสบาย ไม่อบความร้อน
ที่นอนนุ่นที่ดี ความยัดแน่น จะทำให้ไม่เป็นแอ่ง และ มีอายุการใช้งานได้นานหลายสิบปี
มีราคาค่อนข้างถูก
นุ่นยังคงมีความเป็นเส้นใย ไม่เป็นฝุ่น
(สำหรับที่นอนนุ่นใหม่ เท่านั้น)
ข้อเสีย
เมื่อที่นอนมีการยุบตัวลงแล้ว อาจทำให้เกิดอาการปวดหลังได้
(ข้อเสียสำหรับที่นอนนุ่นเก่า หรือ ที่นอนนุ่นผสม)
มีอายุการใช้งานได้ไม่ยาวนาน เสียการคงรูปทรงได้ง่าย
(ข้อเสียสำหรับที่นอนนุ่นเก่า หรือ ที่นอนนุ่นผสม)
หาที่นอนที่จำหน่ายเป็นนุ่นใหม่ในปัจจุบันค่อนข้างยาก ต้องหาร้านดีๆ และ มีน่าเชื่อถือ
สะสมฝุ่นละอองได้ง่าย ไม่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้
(ข้อเสียสำหรับที่นอนนุ่นเก่า หรือ ที่นอนนุ่นผสม)
ที่นอนอาจจะไม่นุ่ม และ เด้งดึ๋ง แบบ ที่นอนสปริง หรือ ที่นอนยางพารา
(แต่ตรงนี้จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องนอนแล้วปวดหลังมากๆ)
หากไม่เคยใช้มาก่อน ช่วงแรกจะไม่ชินกับสัมผัสการนอนมาก แต่ใช้ไปสักพักประมาณ 2-3 สัปดาห์ นุ่นจะยุบลงมาปรับรองรับกับสรีระการนอนมากขึ้น
สะสมความร้อนได้ง่าย ไม่เหมาะสำหรับคนขี้ร้อน
ถ้าถูกหุ้มด้วยวัสดุผ้าย่นหนังไก่ ที่นอนจะมีขนาดที่บาง และมีความนุ่มที่น้อยลง
ตรวจสอบได้ยาก ว่าเป็นนุ่นใหม่แท้ 100% และ ไม่มีการผสมกับเศษผ้า หรือ วัสดุอื่นๆ เข้าไป
เห็นไหมว่า การเลือกซื้อที่นอนนุ่นนั้น แม้จะมีข้อดี แต่การหาซื้อนั้นกลับหายากเพราะ ผู้ผลิตมีน้อยราย ดังนั้นถ้าอยากจะหาซื้อที่นอนนุ่นมาใช้จริงๆ นั้น ก็ควรลองสังเกตุตามวิธีที่ทางเราแนะนำได้
สำหรับใครที่ อยากได้หมอนขนเป็ด สามารถติดต่อที่หน้าเว็บของ softsleepy กันได้เลย ส่วนบทความวันนี้ ก็ขอจบเพียงเท่านี้
ขอบคุณเว็บเพื่อนบ้านดีดี อย่าง TheTrainerThailand สำหรับข้อมูลดีดี ในครั้งนี้